พิพิธภัณฑ์ถาวร ห้องอุปการพัฒนกิจ

 รู้จักการแพทย์พื้นบ้าน

          สังคมไทย ได้มีการพื้นฟูแนวคิดเกี่ยวกับภูมิปัญญาพื้นบ้าน หรือ ภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยเริ่มจากกลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) แนววัฒนธรรมชุมชน ที่สรุปบทเรียนจากการทำงานพัฒนาชนบทโดยใช้กระบวนการแบบมีส่วนร่วม (Community participation) แล้วพบว่า วัฒนธรรมเป็นพลังของการพัฒนาในกระบวนการทำงานได้เกิดการค้นหานักฟื้นฟูนักประยุกต์และเสริมสร้างสิ่งใหม่บนรากฐานเดิม เพื่อรักษาเสถียรภาพของชุมชนให้ดำรงอยู่ได้อย่างสมสมัย นักประดิษฐ์คิดค้นทางวัฒนธรรมที่กล่าวถึงดังกล่าว ถูกเรียกว่า "ปราชญ์ชาวบ้าน" หรือ "ผู้รู้ชาวบ้าน" สติปัญญาที่นำมาสร้างสรรค์นี้เรียกว่า "ภูมิปัญญาชาวบ้าน" หรือ "ภูมิปัญญาพื้นบ้าน"

          ภูมิปัญญาพื้นบ้านด้านสุขภาพนับเป็นวัฒนธรรมการดูแลสุขภาพและความเจ็บป่วยของประชาชน ซึ่งมีความหลากหลายทั้งชาติพันธุ์และวัฒนธรรมย่อยในสังคมไทย เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ตกผลึกจากการสังเกตทดลองใช้ คัดเลือก กลั่นกรอง และสั่งสมสืบทอดจากคนรุ่นก่อน สู่คนรุ่นหลัง เป็นสิ่งสะท้อนระบบคิด ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ มนุษย์กับธรรมชาติ และมนุษย์กับสิ่งเหนือธรรมชาติ เพื่อการดำรงอยู่ การพึ่งพาตนเอง นอกจากนี้ภูมิปัญญาพื้นบ้านด้านสุขภาพยังมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในสังคมไทยยุคปัจจุบันภูมิปัญญาด้านสุขภาพของคนไทยสามารถพิจารณาคุณค่าและความหมายในหลายมิติ และยังเป็นทุนทางปัญญาและเทคโนโลยีที่เรียบง่าย สามารถเข้าถึง ใช้ประโยชน์ และพึ่งตนเองได้ อันเป็นแบบแผนการดูแลสุขภาพตนเองบนฐานแนวคิดแบบเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งสามารถพัฒนาต่อยอดและประยุกต์ใช้เป็นสินค้าและบริการในสังคมทุนนิยมได้ด้วย เป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่สังคมควรดูแล คุ้มครอง ส่งเสริมให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและยุติธรรม

ภูมิปัญญาพื้นบ้านด้านสุขภาพสามารถจำแนกเป็น ๒ ลักษณะ คือสุขภาพ (Indigenous health) และภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้าน (Indigenous Medicine)

          "ภูมิปัญญาพื้นบ้านด้านสุขภาพ" หมายถึง วัฒนธรรมการดูแลรักษาสุขภาพของกลุ่มชนและชาติพันธุ์และเป็นระบบคิด องค์ความรู้ และวิถีปฏิบัติเพื่อการดูแลสุขภาพและรักษาความเจ็บป่วย มีอัตลักษณ์ สัมพันธ์กับวัฒนธรรม เคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลงและผสมผสานกับการแพทย์แบบอื่น นอกจากนี้ ภูมิปัญญาพื้นบ้านด้านสุขภาพได้รับการถ่ายทอดผ่านประสบการณ์ตรง นับเป็นความรู้เชิงประสบการณ์ (experienced-knowledge) ภายใต้บริบทสังคมวัฒนธรรมและระบบนิเวศน์

"การแพทย์พื้นบ้าน" หมายถึง ภูมิปัญญาการรักษาโรคของท้องถิ่นและชาติพันธุ์ที่มีฐานความคิดและแบบแผนการปฏิบัติที่ผสมผสานระหว่างอำนาจเหนือธรรมชาติ ศาสนา และประสบการณ์จาการปฏิบัติจริงที่สะสม สืบทอดและใช้ประโยชน์ในท้องถิ่น โดยหมอพื้นบ้านมีบทบาทสำคัญในการรักษาโรค

          "หมอพื้นบ้าน" หมายถึง บุคคลซึ่งมีความรู้ความสามารถในการส่งเสริมและดูแลสุขภาพของประชาชนในท้องถิ่น ด้วยภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยหรือการแพทย์พื้นบ้าน ตามวัฒนธรรมของชุมชนสืบทอดกันมานานเป็นที่นิยมยกย่องจากชุมชน

เสาวณีย์ กุลสมบูรณ์

นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ

ประเภทหมอพื้นบ้าน

          หมอพื้นบ้าน เป็นฐานข้อมูลบุคลากรด้านการแพทย์แผนไทย 1 ใน 6 กลุ่มที่มีการจัดทำทะเบียนข้อมูล ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2560 มีจำนวนหมอพื้นบ้าน 54,861 คน โดยจัดกลุ่มตามความชำนาญในการรักษาเป็น 6 กลุ่ม คือ หมอพิธีกรรม หมอยาสมุนไพร หมอนวด หมอตำแย หมอรักษากระดูกหัก และหมอพื้นบ้านที่มีความเชี่ยวชาญด้านอื่นๆ หมอพื้นบ้านตามทะเบียนข้างต้น มีคุณค่าในสองลักษณะ คือ หนึ่ง หมอพื้นบ้านผู้มีประสบการณ์และปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ป่วยในชุมชน และสององค์ความรู้หรือภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้านตามประสบการณ์และความชำนาญที่ไม่ได้มีบันทึก เป็นตำรับตำรา แต่อยู่ในทักษะประสบการณ์ของหมอพื้นบ้าน เป็นความรู้โดยนัย (TACIT KNOWLEDGE) ดังนั้น การคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย นอกจากการสำรวจและขึ้นทะเบียน อันเป็นภารกิจด้านการคุ้มครองและอนุรักษ์แล้ว มีความจำเป็นที่จะต้องมีแผนงานส่งเสริมและพัฒนา โดยเฉพาะการแพทย์พื้นบ้าน เพราะหมอพื้นบ้านที่มีความรู้ความชำนาญส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ จึงยิ่งมีความจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน

  1. หมอตำแย

หมอตำแย คือ ผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลสุขภาพหญิงตั้งครรภ์ ตั้งแต่เริ่ม ตั้งครรภ์ จนกระทั่งคลอด รวมทั้ง ดูแลส่งเสริมสุขภาพของแม่และเด็ก ในระยะหลังคลอด (คำว่า ตำแย มาจาก มหาเถร ตำแย ผู้เขียนตำราว่าด้วยวิชาการทำคลอด)

โต๊ะบิแด คือ บุคคลที่มีความชำนาญในการดูแลสุขภาพในกลุ่มหญิง ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ ระยะตั้งครรภ์ ระยะคลอด และการดูแลช่วงหลังคลอด รวมถึง การดูแลสุขภาพในกลุ่มเด็กทารก โดยใช้ความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพที่มีความเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมการดูแลสุขภาพที่มีความเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมการดูแลสุขภาพ ในชุมชน (ภาษามลายูท้องถิ่นชายแดนใต้ของประเทศไทย)

  1. หมอกระดูก (ขาดนิยาม)
  2. หมอยาสมุนไพร

หมอยา คือ ผู้มีความรู้ความสามารถในการใช้ยารักษาโรค

สมุนไพร คือ พืช สัตว์ จุลชีพ ธาตุวัตถุ สารสกัดดั้งเดิมจากพืชหรือสัตว์ที่ใช้หรือแปรสภาพหรือผสมหรือปรุงเป็นยาหรืออาหารเพื่อการตรวจวินิจฉัย บำบัด รักษา หรือป้องกันโรค หรือส่งเสริมสุขภาพร่างกายของมนุษย์หรือสัตว์ และให้หมายความรวมถึง ถิ่นกำเนิดหรือถิ่นที่อยู่ของสิ่งดังกล่าวด้วย

ยาสมุนไพร คือ ยาที่ได้จากพฤกษชาติ สัตว์ หรือ แร่ ซึ่งมิได้ผสมปรุง หรือแปรสภาพ [1]

  1. หมอพิธีกรรม (ขาดนิยาม)
  • ภาคเหนือ
    • หมอแกว่งข้าว
    • การกินอ้อผญ๋า
    • ฯลฯ

(2) ภาคอีสาน

(2.1) หมอโบล

(2.2) หมอรำผีฟ้า

(2.3) หมอเหยา

(2.4) โจลมะม็วด

(2.5) ฯลฯ

(3) ภาคกลาง

(4) ภาคใต้

(4.1) การเข้าสุนัต

การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย คือ การตัดเอาหนังที่หุ้มบริเวณปลายอวัยวะเพศชายออกมาเป็นมาตรการเสริมที่สำคัญในการรักษาความสะอาดและป้องกันโรคตามความเชื่อทางศาสนาอิสลามในภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Male Circumcission” [1]

ทั้งนี้ ยังพบว่ามีหมอพิธีกรรมอีกหลายประเภทที่มีในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย หากแต่ขั้นตอนหรือกระบวนการในกรรมวิธีอาจแตกต่างกันไปตามบริบทวัฒนธรรมของพื้นที่ อาทิ

(5) หมอขวัญ

(6) คนทรง

(7) ฯลฯ

  1. หมอนวดพื้นบ้าน

หมอนวด คือ ผู้ที่มีความชำนาญในการนวดเพื่อให้คลายจากความเจ็บปวดหรือเมื่อยขบ

    การนวดพื้นบ้าน หมายถึง การตรวจประเมิน การวินิจฉัย ที่มีเอกลักษณ์ของชุมชน/กลุ่ม ในความผิดปกติของเส้นเอ็น หรือกล้ามเนื้อ มีกระบวนการรักษา โดยการใช้แรงสัมผัสต่อร่างกาย โดยใช้มือ ศอก เครื่องมือต่างๆ หรือสมุนไพร ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อบรรเทาความไม่สบายของร่างกายและจิตใจ วิธีการหรือเทคนิคการนวดเป็นภูมิปัญญาที่เกิดขึ้นภายในชุมชนและมีการถ่ายทอดสืบต่อกันมา

  • ภาคเหนือ

                  ตัวอย่างการนวดพื้นบ้านภาคเหนือ อาทิ

  1. 1. การตอกเส้น
  2. 2. การย่ำขาง
  3. ฯลฯ
  • ภาคอีสาน

     การขิดเส้น  เป็นการนวดที่เป็นเอกลักษณ์ของภาคอีสาน หมายถึง การผลักเส้นให้เข้าสู่ตำแหน่งปกติ การขิดเส้นสามารถใช้อวัยวะได้ 3 ส่วน คือ

  1. 1. การขิดเส้นโดยใช้อุ้งมือ (ส้นมือ) จะใช้ในกรณีทีเส้นก่ายกันในบริเวณกว้าง และอยู่ในตำแหน่ง ที่ไม่ลึก เช่น บ่า สะโพก น่อง เป็นต้น
  2. 2. การขิดเส้นโดยใช้นิ้วหัวแม่มือ เป็นการใช้นิ้วหัวแม่มือบนกดเส้น แล้วใช้แรงผลักนิ้วหัวแม่มือให้ผลักเส้นออกไปจากตำแหน่งที่กดตอนแรก เป็นเทคนิคที่ใช้นวดเส้นที่อยู่ไม่ลึกมาก
  3. 3. การขิดเส้นโดยใช้ศอก เป็นการใช้ศอกกดไปในร่องกล้ามเนื้อ ที่เป็นที่อยู่ของเส้นทั้งหมด เป็นการผลักหรือดันให้กลับไปสู่สภาพปกติ
  • ภาคกลาง
  1. การเหยียบเหล็กแดง
  2. ฯลฯ
  • ภาคใต้
  1. หมออื่นๆ
    • หมอกรอกเลือด/หมอจูบเลือด
    • หมองู
    • หมอสักยา
    • หมอดู/โหราศาสตร์
    • ฯลฯ

                                   หมอไทยดีเด่นแห่งชาติ

หลวงพ่อสมัย  อาภาธโร  (มรณภาพ)ห้องอุปการพัฒนกิจ (6)

หมอไทยดีเด่นแห่งชาติ พ.ศ. 2554

ความชำนาญ : หมอเหยียบเหล็กแดง รักษาอัมพฤกษ์  อัมพาต หมอยาสมุนไพร เช่น   อัมพฤกษ์ อัมพาต ลิ้นกระด้างคางแข็ง เหน็บชา ยาถ่ายเลือดถ่ายลม ฯลฯ

"การดำรงตนเป็น หมอดี มีคุณธรรม หมอโบราณไม่หวงวิชา แต่ครูจะพิจารณาว่า ศิษย์เป็นคนดี มีคุณธรรมแค่ไหนจะเรียนหมอไปรับใช้ประชาชนได้หรือไม่ หมอแผนโบราณ มีคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม แม้ไม่มีโรงเรียนก็ใช้วิธีเรียนตัวต่อตัว"

 

พ่อหมอสง่า  พันธุ์สายศรี  (ถึงแก่กรรม)

หมอไทยดีเด่นแห่งชาติ พ.ศ. 2555 ห้องอุปการพัฒนกิจ (7)

ความชำนาญ : หมอเหยียบเหล็กแดง หมอตำแย หมอนวด หมอเป่า หมอน้ำมนต์

"การช่วยเหลือคนที่มีความทุกข์ที่เราพอจะช่วยได้คือความสุข เพราะเรามีความมุ่งมั่น

จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน  โดยไม่มีการเรียกร้องค่ารักษา"

 

 

แม่หมอจันลี  เปลี่ยนเอก (อายุ 79 ปี)ห้องอุปการพัฒนกิจ (8)

หมอไทยดีเด่นแห่งชาติ พ.ศ. 2556  

ความชำนาญ : หมอนวด  หมอยาสมุนไพรรักษาอัมพฤกษ์  อัมพาต

“หลักการทำงาน…ได้บุญ มีความสุข มีเครือข่ายที่ดี ชุมชนชื่นชมและยอมรับ”

 

  

พ่อหนานอินสม สิทธิตัน  (อายุ 69 ปี)ห้องอุปการพัฒนกิจ (9)

หมอไทยดีเด่นแห่งชาติ พ.ศ. 2557

ความชำนาญ : หมอตอกเส้น รักษาอัมพฤกษ์ อัมพาต กระดูกทับเส้น หมอยาสมุนไพร

เช่น โรคลมกระเพาะและลำไส้ โรคในปากคอ  ไมเกรน ฯลฯ หมอพิธีกรรม

“ซื่อสัตย์ต่อตนเอง ซื่อตรงต่อผู้อื่น เป็นหมอยาต้องรักษาความสะอาด

เป็นหมอรักษาต้องมีเมตตา”

 

     

พ่อหมอพรมมา  แสงชมภู (ถึงแก่กรรม)ห้องอุปการพัฒนกิจ (10)

หมอไทยดีเด่นแห่งชาติ พ.ศ. 2558 

ความชำนาญ : หมอยาสมุนไพร เช่น ไข้หมากไม้ ไข้มาลาเรีย ยาเรียกน้ำนม ยาบำรุงสตรีหลังคลอด ยาสลายนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ฯลฯ

“ผู้พูดบ่มีความผิดผู้ฟังพึงสังวรเมื่อผิดแล้วก็แก้ไขแต่ถ้าไม่ผิดก็เป็นข้อเตือนใจ”

 

 

พ่อหมอสอย เพชรฤทธิ์ (อายุ 79 ปี)ห้องอุปการพัฒนกิจ (11)

หมอไทยดีเด่นแห่งชาติ พ.ศ. 2558  

ความชำนาญ : หมอยาสมุนไพร เช่นมะเร็งตับ ฝีในลำไส้ ไข้หมากไม้ ประดง

กลุ่มโรคสตรี ฯลฯ

“บาป บุญ มีจริง ต้องมีศีล ๕ ให้ครบ”

 

 

พ่อหมอชอย สุขพินิจ  (อายุ 80 ปี)ห้องอุปการพัฒนกิจ (12)

หมอไทยดีเด่นแห่งชาติ พ.ศ. 2559

ความชำนาญ : หมอยาสมุนไพร เช่น ผิดสำแดง  ริดสีดวง ตำรับแก้ปวดกล้ามเนื้อ ฯลฯ

หมอรักษากระดูก  หมอพิธีกรรม

“หมอชอย มีความภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ให้หายเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยกำลังและสติปัญญาที่มีอยู่ โดยไม่เคยคิดค่าตอบแทนใดขอเพียงผู้ที่เดือนร้อนมา

หายจากอาการเจ็บป่วยและพ้นทุกข์จากที่เป็นก็พอใจแล้ว”

    

พ่อหมอทองสา เจริญตา  (อายุ 81  ปี)ห้องอุปการพัฒนกิจ (13)

หมอไทยดีเด่นแห่งชาติ พ.ศ. 2560

ความชำนาญ : หมอยาฝน รักษาโรค เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต เกี่ยวกับสตรีและมดลูก กลุ่มอาการไข้ต่าง ๆ  หมอตำแย

“เป็นหมอส่อยคน (ช่วยคน) เอาบุญเอาศีล”

  

                              

พ่อหมอขาว เฉียบแหลม (อายุ 82  ปี)ห้องอุปการพัฒนกิจ (14)

หมอไทยดีเด่นแห่งชาติ พ.ศ. 2561

ความชำนาญ : หมอยาสมุนไพร เช่น ยาประสะน้ำนม แก้ผิดสำแดง ขับนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ริดสีดวงทวาร ฯลฯ

“ซื่อสัตย์ เสียสละ จริงใจ มีคุณธรรม”

 

พ่อหมอเสริฐ ขาวอรุณ (อายุ 82 ปี)ห้องอุปการพัฒนกิจ (15)

หมอไทยดีเด่นแห่งชาติ พ.ศ. 2562 

ความชำนาญ : โรคกระดูก อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคตา โรคสตรี งูกัด โรคซางในเด็ก เป็นต้น

“ถ้ายังมีเรี่ยวแรงอยู่ถึงอายุร้อยปี ก็จะรักษาคนไข้ไม่หยุด”

 

 

ห้องอุปการพัฒนกิจ (1) ห้องอุปการพัฒนกิจ (2) ห้องอุปการพัฒนกิจ (3) ห้องอุปการพัฒนกิจ (4) ห้องอุปการพัฒนกิจ (5)

 

321741
Today
Yesterday
This Week
Last Week
This Month
Last Month
All days
19
492
19
318616
13610
11824
321741

โมบายแอปพลิเคชัน

ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้​ 

 

appstore

 

playstore

ติดตาม สถาบันการแพทย์แผนไทย

ผ่านทางโซเชียลมีเดีย​ได้ที่ 

 

 facebook

YouTube

 

 

 

logo MOPH

สถาบันการแพทย์แผนไทย

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก

เลขที่ 88/23 หมู่ 4 ถนนติวานนท์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000

โทรศัพท์ : (+66) 0-2590-2600

โทรสาร : (+66) 0-2590-2600